จะเน้นที่ความหรูหรา โดดเด่น มีความละเอียดในทุกรายละเอียด เพื่อให้บรรยากาศของห้องดูเป็นเอกลักษณ์และพิเศษ โดยมีแนวทางการออกแบบดังนี้
1. โทนสีที่หรูหราและสง่างาม (Elegant Color Scheme)
ใช้ โทนสีอ่อนและหรูหรา เช่น สีขาว ครีม ทอง โรสโกลด์ หรือสีเงิน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดูโปร่ง สว่าง และหรูหรา สีเหล่านี้สะท้อนถึงความสง่างามและความบริสุทธิ์
การใช้ สีพาสเทล เช่น สีชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน หรือม่วงลาเวนเดอร์ จะเพิ่มความนุ่มนวลและเหมาะกับบรรยากาศห้องของเด็ก แต่ยังคงความหรูหราด้วยการใช้สีที่กลมกลืน
2. เฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราและเป็นเอกลักษณ์ (Luxurious Furniture)
เตียงสี่เสา (Canopy Bed): เตียงสี่เสาพร้อมผ้าม่านโปร่งจะสร้างความรู้สึกเหมือนเป็นห้องของเจ้าหญิง มีความหรูหราและโดดเด่น
เฟอร์นิเจอร์สไตล์คลาสสิก (Classic Furniture): เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีการแกะสลักประณีต เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เก็บของ หรือเก้าอี้ที่มีดีไซน์วิจิตร การใช้เฟอร์นิเจอร์ทองเหลืองหรือโลหะขัดเงาจะเพิ่มความหรูหรา
โซฟาหรือเบาะนุ่มๆ (Plush Seating): เพิ่มพื้นที่นั่งเล่นด้วยโซฟาเล็กๆ หรือเบาะนุ่มๆ ที่ทำจากผ้ากำมะหยี่หรือหนังที่ดูหรูหรา
3. การตกแต่งผนังและพื้น (Wall & Floor Design)
วอลเปเปอร์หรูหรา: เลือกใช้วอลเปเปอร์ที่มีลวดลายละเอียดอ่อน เช่น ลายดอกไม้ ลายเรขาคณิต หรือวอลเปเปอร์ที่มีสีทองและเงินเพื่อเสริมความหรูหรา
พรมหรือพรมขนฟู: ปูพื้นด้วยพรมขนฟูนุ่มสบายในโทนสีอ่อนเพื่อสร้างความอบอุ่นและความสบาย นอกจากนี้ พรมยังช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูหราและเป็นส่วนตัว
พื้นไม้หรือหินอ่อน: หากใช้พื้นไม้ ควรเป็นไม้ที่มีสีอ่อนและผิวมันเงา หรือใช้พื้นหินอ่อนเพื่อสร้างความรู้สึกของความหรูหราและคลาสสิก
4. การใช้แสงไฟ (Lighting Design)
โคมไฟระย้า (Chandeliers): การติดตั้งโคมไฟระย้าที่หรูหราหรือโคมไฟคริสตัล จะเพิ่มความสว่างและสร้างจุดเด่นให้กับห้อง โคมไฟที่มีรายละเอียดสวยงามจะทำให้ห้องดูหรูหราและยิ่งใหญ่
ไฟซ่อน (Ambient Lighting): ใช้ไฟ LED ซ่อนตามขอบเพดานหรือเฟอร์นิเจอร์เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและหรูหรา นอกจากนี้ยังช่วยเน้นส่วนที่สำคัญในห้อง
5. ผ้าม่านและผ้าคลุมเตียง (Curtains & Bed Linens)
ผ้าม่านที่หรูหรา: เลือกใช้ผ้าม่านที่ทำจากผ้ากำมะหยี่หรือผ้าไหมที่หนา มีลวดลายหรูหรา เช่น ลายดอกไม้หรือลายเรขาคณิต ม่านควรมีความยาวที่สามารถแตะพื้นเพื่อสร้างความรู้สึกที่สง่างาม
ผ้าคลุมเตียงและหมอน: ผ้าคลุมเตียงที่ใช้ควรเป็นผ้าลินินหรือผ้าไหมที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบายและหรูหรา หมอนตกแต่งควรมีหลายรูปแบบและหลายขนาดพร้อมลวดลายที่สวยงามหรือการปักด้วยมือ
6. การตกแต่งเสริม (Decorative Accents)
กระจกเงาใหญ่ (Large Mirrors): กระจกที่มีกรอบหรูหราสามารถใช้เป็นทั้งการตกแต่งและการเพิ่มความรู้สึกว่าห้องมีขนาดใหญ่ขึ้น กรอบกระจกสีทองหรือเงินจะช่วยเสริมความหรูหรา
งานศิลปะและประติมากรรม: แขวนภาพวาดหรือประติมากรรมที่ดูสวยงามและคลาสสิก เช่น ภาพดอกไม้หรือภาพศิลปะแนววิจิตร จะเพิ่มความรู้สึกเป็นเอกลักษณ์ให้กับห้อง
ตู้โชว์หรือชั้นวางของตกแต่ง: เพิ่มตู้หรือชั้นวางของที่ออกแบบหรูหรา สำหรับจัดแสดงของสะสม ของเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ หรือเครื่องประดับที่บ่งบอกความหรูหรา
7. พื้นที่สำหรับการเรียนรู้และเล่น (Learning & Play Area)
มุมการเรียนรู้หรูหรา: จัดพื้นที่เล็กๆ สำหรับโต๊ะเรียนที่ทำจากไม้เนื้อดีหรือวัสดุหรูหรา พร้อมเก้าอี้ที่นั่งสบาย เพิ่มความพิเศษด้วยโคมไฟตั้งโต๊ะที่ออกแบบหรูหรา
มุมเล่นที่สะดวกสบาย: สำหรับเด็ก อาจเพิ่มมุมสำหรับเล่นด้วยของเล่นที่ออกแบบหรูหรา เช่น บ้านตุ๊กตาที่ทำจากไม้คุณภาพดี หรือชั้นวางหนังสือที่จัดเรียงอย่างสวยงามและเป็นระเบียบ
8. การใช้เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย (Smart Technology)
การใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ: ห้องลูกคุณหนูในสไตล์หรูหราอาจมีการผสานเทคโนโลยี เช่น ระบบควบคุมไฟฟ้าอัจฉริยะที่สามารถปรับแสงได้ผ่านสมาร์ทโฟน ระบบเสียงหรือเครื่องฉายภาพสำหรับการเรียนรู้หรือความบันเทิงในห้อง
การออกแบบห้อง Luxury Style สำหรับลูกคุณหนูจะเน้นที่ความละเอียดอ่อนในการเลือกใช้วัสดุ สี และการตกแต่งที่มีคุณภาพสูง สร้างบรรยากาศที่หรูหรา สวยงาม และสะดวกสบาย